Monkhood
I didn’t know some monks ate only one meal a day, until I became one of them. Buddhist monks don’t eat after 12.00 pm, most of them eat twice a day, breakfast and lunch. It was 1992, I wore saffron robes, went out walking on the streets and along the edges of rice paddies begging for food. We, there were three of us, my colleague and my master, waited until dawn to start our morning routine. We went on different routes in order to cover the areas which were wide spread in a small rural town. It took about a couple of hours to make the round. Then, we prepared to eat our only meal for the day.
There were varieties of food from the people who came to make merit. Undoubtedly, they were all home cooking with whatever they could find in their backyards, along the fences, in the streams or in the paddies. Fishes, crabs, frogs, chicken were typically our daily dishes. Monks are supposed to eat or at least tasted everything which are donated to them. We calmly ate in an unusetually slow pace. I was quite surprised that I could eat that much in one meal. More than that, I didn’t feel hungry for the rest of day. I guess living out at the far end of a small town which had no sign of Coca Cola, McDonald, KFC helped.
4 am was the wake up time and we went to meditate in a cave. It was so quiet that we implicitly felt things around us with our eyes closed. The sound of the condensed water dropping on a puddle resonated clearly. Yet, there were still lots of different things and matters that came to my mind. One hour of meditation sitting seemed to be never end. Yet, I had to meditate 3 times a day, one hour each, at 4 in the early morning, noon and 8 pm. I couldn’t say that I enjoyed the meditation. I liked Binthbat-begging for food, though.
After the morning meditation session, we waited until we could see our own toes, then we went out walking barefooted. The methodic monks, if not necessary, would not wear shoes so that they have to mindfully walk step by step to avoid hurting themselves and others such as stepping on creatures. Walking with mud between my toes and fingers was not fun though it was kind of strange. Well, I did walk very carefully after all. Along the paddy’s ridges, my saffron robes was blown by the serene early morning wind and waving to the sun rise. It was picture perfect, I supposed. The tranquility however, was so distinctive, it was perhaps one of the most peaceful time in my life.
There was a fun part in begging for food too! After receiving food, the monks would typically pray and wish them well. Since I was a monk in a hurry, I couldn’t do any praying, I talked to them instead. Ended up there were good numbers of kids that came out of their houses and waited to donate food to the new monk. I chatted with them just about anything from helping their parents in rice paddies to being in schools. The kids seemed to be delighted that I specifically talked and listened to each one of them rather than praying to everyone in general.
Praying is what monks supposed to do daily. It is perhaps the core practice among other things. It takes about 1-2 weeks just to learn how to pray and memorize the preach and homily of Buddhism. The abbot, who didn’t have much time, asked why I wanted to be a monk. ‘I want to see myself’
May 13, 2021
ภิกษุรูปนั้น
ไม่รู้เลยว่าพระบางวัดฉันมื้อเดียว จนกระทั่งเราเป็นหนึ่งในนั้น พระภิกษุไม่ฉันอาหารหลังเที่ยง ส่วนใหญ่ฉันอาหารวันละสองมื้อ เช้าและเพล
เราได้มีโอกาสบวชเป็นพระในปี ๒๕๓๕ สวมผ้าเหลืองบิณฑบาตเดินตามขอบถนนและคันนา มีพระรุ่นพี่และพระอาจารย์ที่พักอยู่ด้วยกัน เรารอกันจนรุ่งสางจึงเริ่มกิจวัตรโดยเดินแยกย้ายไปกันคนละทางเพื่อครอบคลุมพื้นที่ให้ทั่วหมู่บ้าน ประมาณสองสามชั่วโมงเราก็กลับมาที่พักเตรียมการฉันอาหารมื้อเดียวของพวกเราสำหรับวันนั้น
มีอาหารหลากหลายจากชาวบ้านที่มาทําบุญตักบาตร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาหารทำกันเองหรือเปล่า เพราะวัตถุดิบอาหารเป็นสิ่งที่หาได้ในสวนหลังบ้าน ริมรั้ว ในห้วย หนอง ปลา ปู กบ ไก่ ต่างเป็นอาหารประจําวันของพวกเรา พระควรจะฉันอาหารหรืออย่างน้อยก็ชิมทุกสิ่งที่ได้รับบริจาค เราฉันกันอย่างไม่รีบร้อนในจังหวะที่ช้าๆ เริ่มตั้งแต่การตักอาหาเข้าปาก เคี้ยว เราเองค่อนข้างแปลกใจที่สามารถฉันได้มากมายในมื้อเดียว และไม่เคยรู้สึกหิวตลอดทั้งวันที่เหลือ อาจจะด้วยที่เป็นการใช้ชีวิตที่ไกลจากผู้คน ไม่มีป้ายโฆษณาชักชวนใดๆให้เห็น
เวลาตีสี่ เป็นเวลาตื่นนอนเพื่อนั่งสมาธิในถ้ำใกล้ๆที่พัก ในถ้ำเงียบมากจนเรารู้สึกกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา หยดน้ำที่ตกลงบนแอ่งเล็กๆตามพื้นถ้ำส่งเสียงสะท้อนได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ถึงกระนั้นก็ยังมีสิ่งต่างๆมากมายที่ประดังเข้ามาในใจเรา หนึ่งชั่วโมงของการนั่งสมาธิดูเหมือนเป็นเวลาที่ไม่ยอมสิ้นสุด เรานั่งสมาธิวันละ ๓ ครั้ง ครั้งละหนึ่งชั่วโมง ในเวลาตีสี่ เที่ยง สองทุ่ม ไม่สามารถพูดได้ว่าเราชอบการทําสมาธิ ที่ชอบคือการออกไปบิณฑบาตหลังจากนั่งสมาธิตอนเช้า พวกเรานั่งรอแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ พอเริ่มมองเห็นนิ้วเท้าของตัวเอง เราจึงออกบิณฑบาตด้วยเท้าเปล่า พระภิกษุที่เคร่งครัดหากไม่จําเป็นจะไม่สวมรองเท้า ทั้งนี้เพื่อให้ตัวเองเดินอย่างมีสติทุกก้าว เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตนเองบาดเจ็บหรือเหยียบสิ่งมีชีวิตอื่นๆบนพื้นดิน
ช่วงที่เดินตามคันนา ผ้าจีวรรับลมยามเช้าโบกโปรยทักทายรวงข้าวในทุ่งนา รับกับท้องฟ้ายามแรกขึ้นของดวงอาทิตย์ ช่างเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบให้ความรู้สึกดีมาจนถึงทุกวันนี้ ความเงียบสงบลงตัวของธรรมชาติในช่วงนั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สงบสุขที่สุดในชีวิตของเรา
มีส่วนที่เราได้รับความรู้สึกดีๆช่วงบิณฑบาต คือหลังจากอาหารที่ชาวบ้านนำมาถวาย พระภิกษุจะสวดให้พร เราเองบวชอย่างกระทันหัน สวดให้พรไม่ได้จึงคุยกับฆราวาสแทน เด็กๆดูจะชอบที่เราคุยกับพวกเขา คุยกันหลายเรื่องตั้งแต่การทำนา การช่วยเหลือพ่อแม่ไปจนถึงการเรียนหนังสือ ดูเหมือนเด็กๆจะดีใจที่มีพระพูดคุยและตั้งใจฟังพวกเขา
การสวดภาวนาเป็นกิจวัตรของพระ เราบวชสองอาทิตย์จนสึกก็ยังท่องบทสวดไม่ได้ เจ้าอาวาสที่บวชให้เราถามว่าทําไมถึงอยากเป็นพระ
‘เราอยากเห็นตัวเอง’
พระอาทิตจวังโส
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔