Land of Opportunity
October 9, 1977
Dear Mom,
I will go to Oregon tomorrow to start my classes at Oregon State University. And don’t you worry, it only takes 6 hours flight from New York to Eugene, Oregon. A Thai student will pick me up at the airport and drive to our dormitory in Corvallis. Speaking about driving, owning a car has been in my mind ever since I got here and I would like to tell you why I dare to dream about having a car.
Roads are everywhere and they are all wide, very very wide. I was in awe on the first day in the US when riding from JFK Airport to Manhattan. The highways have 6 to 10 lanes, cars can go so fast and don’t even have to stop when making a turn. Yes, there are no red lights on the highways. It would be a great fun to drive and be able to drive at will. All the sudden having my very first car has been on my mind.
Having a new thing was seldom known to us but I made it happen a few times.
I bought myself a book, my very first book, by winning prize from a kids magazine. With the encouragement from JM, I wrote the story about my odd job after school and weekend wrapping candies with colorful cellophane. Perhaps, you still remember that I ran to show you the magazine, Chiyapruk, and they illustrated me sitting next to a scale with lots of candies in front of me. The prize was worth 20 Bahts (1 USD), which was considered a big award at that time. It would take me literally hundred of hours of sitting and wrapping the candies just to earn about the same money. When receiving the money order of 20 Bahts from the magazine, I put half of the money in my saving and went straight to the book shop and got my self Dr. No, a James Bond novel.
My first and only motorcycle was bought after I earned a couple months of salary at the plywood factory in suburb Bangkok. I was kind of helping my peer who needed to sell the motorcycle in a hurry. Ended up the bike was sent to John (Leng) who would need the bike more than me to ride in Khonkan University campus. A few months later, I bought myself a guitar and it was my companion until I came here.
Somehow, I am quite positive that I would someday own a car. It might very well happen here in the US. Well, the sun
I saw through the windows when the airplane was landing at JFK Airport, seemed to be much bigger than what I had seen before. I would like to take it as a good omen for being here in the land of opportunity.
Love
Tee
ประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาส
๙ ตุลาคม ๒๕๒๐
แม่ครับ
พรุ่งนี้ลูกจะเดินทางไปอีกฝั่งของอเมริกาเพื่อเข้าเรียนที่ Oregon State University ใช้เวลาบินเพียง 6 ชั่วโมงโดยเที่ยวบินจากนิวยอร์คไปยังสนามบินเมือง Eugene และจะมีเพื่อนนักเรียนไทยไปรับขับรถพาลูกไปหอพักในเมืองคอร์แวลลิส รัฐโอเรกอน พูดถึงการขับรถ การจะเป็นเจ้าของรถสักคันเป็นสิ่งที่ตราตรึงในใจตั้งแต่วันแรกที่มาถึงอเมริกา คงต้องบอกแล้วว่าทำไมจึงกล้าที่จะฝัน
ในอเมริกาถนนมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ละสายกว้างใหญ่มาก จากสนามบิน JFK ไปแมนฮัตตันถนนกว้างใหญ่มีตั้ง ๖ ถึง ๑๐ เลน ความเร็วของรถยานยนต์เทียบกับบ้านเราแล้วก็เร็วกว่ามาก และไม่ต้องหยุดเมื่อถึงทางเลี้ยว ไม่มีไฟแดงบนถนนทางหลวงจึงน่าจะสนุกตื่นเต้นถ้าได้ขับ และจะยิ่งวิเศษถ้าสามารถขับได้ในทุกครั้งที่เราอยากจะไปโน่นมานี่โดยไม่ต้องรอหรือขออนุญาตใคร
การเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว เป็นสิ่งที่พวกเราไม่คุ้นเคย แต่ก็เคยเกิดขึ้นและยังจำได้ คือที่ลูกมีปัญญาซื้อหนังสือนวนิยายให้ตัวเองโดยใช้เงินรางวัลที่ได้รับจากนิตยสารชัยพฤกษ์ ด้วยคำแนะนำจากเจ้หมวย ลูกเขียนเรื่องราวการช่วยทางบ้านหารายได้โดยทำงานหลังเลิกเรียนและวันเสาร์อาทิตย์ ก็ที่ไปห่อลูกอมลูกกวาดที่บ้านอาตั่วแปะ แม่คงจำได้ ที่ลูกเอานิตยสารเล่มนั้นไปให้แม่ดู รูปวาดประกอบในเล่มเห็นเด็กชายกำลังนั่งขัดสมาธิหน้าตาแช่มชื่น มีตราชั่งอยู่ด้านข้างและกองลูกกวาดอยู่ตรงหน้า ตอนนั้นลูกยังรู้สึกว่ารูปเด็กชายง่วนจือดูน่ารักน่าชังทีเดียว จึงจัดเก็บเล่มนั้นไว้เป็นอย่างดี อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกเรื่องของเราทั้งที่มีเด็กๆสมัครไปมากมาย ที่พอคิดประมาณได้ก็อาจเป็นเพราะเขาสงสารที่เราได้รับค่าตอบแทนเพียงหนึ่งสลึงต่อการนั่งหลังขดหลังแข็งห่อลูกกวาดหนึ่งกิโลกรัม ซึ่งต้องใช้เวลาห่อกว่าสองชั่งโมง
๒๐ บาทเป็นเงินรางวัลที่ได้รับซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่ในตอนนั้น เพราะกว่าจะหาเงินได้ขนาดนี้ต้องนั่งห่อขนมนับหมื่นชิ้นใช้เวลาเป็นเดือน เมื่อได้รับธนาณัติจากนิตยสารลูกเก็บหยอดกระปุกครึ่งหนึ่ง แล้วตรงไปร้านคลังวิทยาซื้อนวนิยายเจมส์บอนด์ ‘ด็อกเตอร์ โน’ มาอ่านและเก็บไว้
รถจักรยานยนต์คันแรกและคันเดียวของลูก ก็ซื้อจากเงินเดือนที่ทำงานโรงงานไม้อัดตอนเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เป็นการช่วยเพื่อนร่วมงานที่มีความจำเป็นต้องขายมอเตอร์ไซค์อย่างเร่งด่วน แล้วจักรยานยนต์คันนั้นก็ถูกส่งไปให้เล้งใช้ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังสุดซื้อกีตาร์ให้ตัวเอง ได้ดีดเล่นจนกระทั่งมาอเมริกา
ลูกค่อนข้างมั่นใจว่าสักวันจะมีรถเป็นของตัวเอง และอาจเกิดขึ้นตอนมาเรียนที่อเมริกานี่แหละ แม่รู้มั๊ยพระอาทิตย์ที่ลูกเห็นจากหน้าต่างเครื่องบินในวันที่มาถึงสนามบินนิวยอร์คดูมีขนาดใหญ่มากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขอถือเอาสิ่งนี้เป็นลางดีของการมาอยู่ที่นี่ อเมริกาดินแดนที่เต็มไปด้วยโอกาส
คิดถึงคุณแม่เสมอ
ตี๋