The showroom manager ran after me and asked what had happened in the showroom. He actually wanted to know why I was enraged at the reception and walked out from his showroom, Prestige Mercedes Benz which considered as one of the most respectable and perhaps the biggest in the Northeast.
What happened was, I informed the man at the counter that I come to see a car and have an appointment with Danielle at 1030 am. I gave Pom name and her number since the appointment was made by her. He asked me for more information after he couldn’t find the appointment. He seemed to not happy when hearing that I was not the buyer. I then told him that it might be easier if he simply called Danielle since she should be here and expecting me.
My voice was instinctively getting louder. A few people, customers and sales staff, looked at us. The man still looked on his monitor and asked me what kind of car that I would want to buy. I furiously told him ‘it’s Caddy, pre-owned. But I wondered this would help you find anything in your computer’. With stern face, the man kept looking, punching until my patience ran thin and I said to him ‘doesn’t seem like we are going anywhere, may I have someone else help me?’
“I don’t think anybody could help you.”
‘Why?’
“It is a language barrier.”
Now I was pissed.
‘Then, you might not fit to service customers at this counter. I bet there are about one quarter of your customers that look like me. I’ve been here in the US for more than 4 decades and I still try to improve my English. May I ask you whether you could do things better?’ At this point, there seemed to have the entire showroom looking at us and waiting to hear what the man at the counter had to say.
He was mumbling and said this and that, but when he was nailed for the straight answer, he said “I always do my best.”
‘Then, I don’t want to do business with you.’ I spoke firmly to him and walked out of the showroom.
Tony, the showroom manager, apologized and admitted that his staff should not say such things and he insisted me to go back with the promise that he would take good care of me, starting with allocate Nick, a salesman, to help me.
Upon hearing what had happened, Pom felt bad that she forgot to tell me about putting my name rather than hers, in the appointment. I calmly told Pom ‘don’t worry, this episode could help bring the price down by 4 figures.’
The next day, the price war went on and on between Nick and Pom for half a day. It started from $35,682 the listed price and $30,500 was the first offer. And the final selling price was 34,500 and Pom gave Nick her last offer at $33,000. It was about 5 pm, I, the designated negotiator, then called Nick and said;
‘What’s going on, Nick. My niece wants to buy a car from you. I like this car and. I want her to buy from you. Can’t you dos’ thing?’
“People come to see this car and we gave her the best price.” Nick humbly said.
‘Nick, the sale is not over until your customers turn their backs on you. I tell you what, I will split the difference with you.’
“I don’t think my manager would be ok.” Nick hesitated.
‘If I were you, I would go and ask. What do you have to lose, Nick?
Nick took it and asked me to hold the line. He came back in seconds and told me that his boss, Tony, wanted to talk to me.
“Vance, we will do the deal, but you owe me a Thai dinner!”
‘Deal. I’ll bring you Pad Thai, rather.’ Tony knew I am Thai when we talked that morning.
Well, it was not quite 4 digits, $750 extra discount was not that bad, wasn’t it 🙂
August 14,2021
ศิลปะการต่อราคา
ผู้จัดการโชว์รูมวิ่งตามเรามาและถามว่าเกิดอะไรขึ้นในโชว์รูม คือเขาอยากรู้ว่าทําไมเราถึงโกรธแผนกต้อนรับและเดินออกจากโชว์รูม เพรสทิจ เมอร์เซเดส เบนซ์ ซึ่งถือเป็นดีลเลอร์ขายรถยนต์ที่อาจใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา
ที่เพิ่งเกิดขึ้นคือ เราได้บอกพนักงานที่เคาน์เตอร์ว่าจะมาดูรถและนัดเวลา ๑๐.๓๐ กับคุณแดเนียล เขาหาการนัดหมายไม่เจอ เราจึงบอกเขาให้โทรถามแดเนียลเพราะเค้าคงจะอยู่ที่โชว์รูม ชายคนนั้นยังคงมองค้นหาบนจอคอมพิวเตอร์และถามเราอีกว่าจะซื้อรถแบบไหนยี่ห้ออะไร
“แคดิแลค” เราบอกเขาพร้อมความเซ็งและโกรธ และบอกเขาต่อว่า สิ่งที่เขาถามจะช่วยให้พบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร ชายคนนั้นยังคงมองจ้องจอคอมพิวเตอร์ ความอดทนของเราหมดลงจึงบอกไปว่า ดูเหมือนว่าเราจะไปไม่ถึงไหน ขอคนอื่นช่วยเราได้ไหม
“ฉันไม่คิดว่าจะมีใครช่วยคุณได้”
“ทำไม”
“มันเป็นอุปสรรคทางภาษา”
ฟิวขาด!
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงไม่เหมาะกับการบริการลูกค้าที่เคาน์เตอร์นี้ ผมพนันได้เลยว่าลูกค้าคุณประมาณหนึ่งในสี่ที่ดูคล้ายๆผม ผมเองอยู่ที่นี่ ในอเมริกามานานกว่า ๔ ทศวรรษแล้ว แต่ผมก็ยังคงพยายามพัฒนาภาษาอังกฤษ ผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณสามารถทําดีกว่านี้ได้หรือไม่” ณ จุดนี้ ดูเหมือนว่าทั้งโชว์รูมจะมองมาที่เราและรอฟังสิ่งที่ชายที่เคาน์เตอร์จะพูด
เขาพึมพําและพูดว่า “ฉันพยายามอย่างเต็มที่เสมอ”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่อยากทําธุรกิจกับคุณ” แล้วก็เดินออกจากโชว์รูม
โทนี่ ผู้จัดการโชว์รูมวิ่งตามมาขอโทษและยอมรับว่าพนักงานของเขาไม่ควรพูดแบบนั้น เขาขอร้องให้เราอย่าไปที่อื่นและสัญญาว่าจะดูแลเราเป็นอย่างดี โดยเริ่มจากการจัดสรรพนักงานขายชื่อนิค มาคุยและให้บริการ
เมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น ปอมซึ่งเป็นคนทำนัดให้ มาขอโทษที่ลืมบอกเรา “ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้จะช่วยลดราคาลงได้อีกสี่หลัก” เราบอกปอมแบบชิวๆ
วันรุ่งขึ้น การต่อราคาระหว่างนิคกับปอมเป็นไปกว่าค่อนวัน เริ่มต้นที่ราคาสติกเกอร์ระบุไว้ ๓๕,๖๘๒ ดอลลาร์ และ ๓๐,๕๐๐ ดอลลาร์เป็นราคาเสนอซื้อแรกจากปอม นิคบอก ๓๔,๕๐๐ เป็นราคาต่ำสุดที่จะลดให้ได้ ปอมตอบกลับไปว่าจะจ่ายได้สูงสุดที่ ๓๓,๐๐๐ ดอลลาร์
ประมาณ ๕ โมงเย็น ก็ได้เวลาที่เราโทรหานิคและพูดว่า
“เกิดอะไรขึ้น นิค หลานสาวของผมต้องการซื้อรถจากคุณ ผมเองก็ชอบรถคันนี้และอยากให้หลานซื้อจากคุณ คุณจะทําอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
“ผู้คนมาดูรถคันนี้กันหลายคนและเราคงได้ราคาดี” นิคพูดอย่างนอบน้อม
“นิค การขายยังไม่จบจนกว่าลูกค้าจะหันหลังให้คุณ เอาเป็นว่าเรามาแบ่งความแตกต่างกันคนละครึ่ง”
“ผมไม่คิดว่าผู้จัดการจะโอเค” นิคลังเล
“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไปถามผู้จัดการ ก็คุณไม่มีอะไรต้องเสียนี่”
นิคขอให้เราถือสาย ไม่นานก็กลับมาและบอกว่าโทนี่เจ้านายของเขาต้องการคุยด้วย
“แวนซ์ ตกลง แต่คุณต้องเลี้ยงอาหารไทยผม”
“ได้สิ เอาผัดไทยก็แล้วกันนะ” โทนี่รู้ว่าเราเป็นคนไทยช่วงคุยกันตอนเช้า
ถึงแม้การต่อรองจะไม่ได้ลดเป็นเลขสี่หลัก ได้ลดอีก ๗๕๐ ดอลลาร์ ก็ไม่เลวใช่ไหม
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๔